คำถามเกี่ยวกับยา
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : อะมิโลไรด์ (Amiloride)
- เป็นยาขับปัสสาวะเพื่อลดอาการบวมน้ำของร่างกาย (Oedema)
- รักษาโรคท้องมาน (Ascites)
- รักษาโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- รักษาโรค/ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure)
- มีภาวะเกลือโปแตสเซียมในเลือดสูงเกินปกติ
- มีภาวะเกลือโซเดียมในเลือดต่ำกว่าปกติ
- ระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร
- หิวกระหายน้ำ
- วิงเวียน
- ผื่นคัน
- อ่อนเพลีย
- กล้ามเนื้อเป็นตะคริว
- ปวดหัว
- ความดันโลหิตต่ำ
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะเกลือโปแตสเซียมในเลือดสูง
- ระหว่างการใช้ยานี้ควรเฝ้าระวังปริมาณเกลือแร่ต่างๆ ในเลือด โดยต้องควบคุมให้อยู่ในภาวะปกติ
- ระวังการใช้ยากับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร รวมถึงผู้สูงอายุ
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานและต้องหยุดการใช้ยาอย่างน้อย 3 วันก่อนเข้ารับการตรวจปริมาณน้ำตาลในเลือด (Glucose – tolerance tests) เพราะยานี้จะมีผลทำให้น้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติได้
- การใช้ยาอะมิโลไรด์ ร่วมกับยาที่เพิ่มประมาณเกลือโปแตสเซียมในร่างกาย เช่น ยา Potassium chloride, ยาขับปัสสาวะชนิดที่ไม่ขับเกลือโปแตสเซียมที่นอกเหนือจากยาอะมิโลไรด์ (เช่น ยา Spironolactone), ยากลุ่ม ACE inhibitors, ยากลุ่ม Angiotensin II receptor antagonists สามารถก่อให้เกิดภาวะโปแตสเซียมในเลือดสูงเกินปกติได้
- การใช้ยาอะมิโลไรด์ ร่วมกับ ยาแก้ปวดกลุ่มเอ็นเสด์ (NSAIDs), ยา Cyclosporin, และ ยาลดความดันบางตัว เช่น ยาในกลุ่มยา ACE inhibitors, อาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้เป็นพิษกับไต
- การใช้ยาอะมิโลไรด์ ร่วมกับ ยากลุ่มไทอะไซด์ (Thiazides) หรือยา Chlorpropamide (ยาเบาหวานชนิด 2) สามารถทำให้เกิดภาวะเกลือโซเดียมในเลือดต่ำอย่างรุนแรง
- การใช้ยาอะมิโลไรด์ ร่วมกับ ยา Carbenoxolone (ยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร ) อาจทำให้ฤทธิ์ในการสมานแผลของยา Carbenoxolone ด้อยประสิทธิภาพลง